เรื่องราวของเลนส์ LEICA DG - เส้นทางสู่การปฏิวัติโลกแห่งการถ่ายภาพ
LEICA DG SUMMILUX 12 มม. / F1.4 ASPH
1. เบื้องหลังการพัฒนา
การทำให้เลนส์มุมกว้างใช้ร่วมกับกล้องมิเรอร์เลสได้ดี
การสร้างเลนส์มุมกว้างที่มีประสิทธิภาพเป็นเรื่องท้าทาย เนื่องจากทางยาวโฟกัสสั้น จึงทำให้ความบิดเบือน ความคลาดเคลื่อนวิถีโค้ง และการบิดเบี้ยวของเลนส์ค่อนข้างชัด มุมมองภาพที่กว้างยังทำให้ปัญหาอื่นๆ รุนแรงขึ้น เช่น ความคลาดเคลื่อนของสี เส้นผ่านศูนย์กลางเลนส์ยิ่งกว้าง ความท้าทายก็ยิ่งมากขึ้น ตามหลักการแล้ว เพื่อให้ได้ภาพที่มีคุณภาพสูงสุด เลนส์มุมกว้างควรสร้างจากเลนส์ออพติคอลแบบสมมาตรวางตรงกลางเหนือรูรับแสง
แต่ในส่วนของกล้องแบบ Single-Lens Reflex (SLR) นั้น กระจกแบบเลื่อนลงทำให้ไม่สามารถใช้เลนส์แบบสมมาตรในระบบออพติกส์สำหรับเลนส์มุมกว้างที่มีทางยาวโฟกัสสั้น เพื่อแก้ปัญหานี้ จึงมีการนำชิ้นเลนส์แบบ Retrofocus มาวางที่ด้านหน้าของออพติกส์ระบบ SLR เพื่อเพิ่มระยะ Back Focus* และยังแก้ไขจุดบกพร่องในประสิทธิภาพการแสดงผลภาพของออพติกส์ที่ไม่สมมาตร นอกจากนี้การจัดวางเลนส์แบบใหม่และการใช้ Floating Focus ช่วยทำให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยมในเลนส์แก้ความคลาดทรงกลมที่ใช้กระจกแบบ High-Refractive Index, กระจก ED และชิ้นเลนส์ที่ทำจากวัสดุอื่นๆ ทว่า เมื่อให้ความสำคัญกับมุมกว้าง รูรับแสงกว้าง และประสิทธิภาพที่เหนือกว่าเป็นหลัก จึงเป็นเรื่องท้าทายยิ่งขึ้นที่จะหาจุดที่ลงตัวสำหรับปัจจัยต่างๆ เช่น ขนาด และความคุ้มราคา
* Back focus ในที่นี้ หมายถึง ระยะห่างจากพื้นผิวภาพไปยังพื้นผิวที่ใกล้ที่สุดของเลนส์ที่ติดตั้งเข้ากับกล้อง
เทคโนโลยีดิจิตอลช่วยให้สามารถมองภาพผ่านเลนส์ได้โดยไม่ต้องใช้กระจก ดังนั้น จึงสามารถใช้งานระยะ Back Focus ที่จำเป็นสำหรับระบบออพติกส์ของ SLR ได้ ซึ่งช่วยลดความยุ่งยากในการออกแบบระบบออพติกส์แบบไม่สมมาตร ที่จำเป็นสำหรับเลนส์มุมกว้างคุณภาพสูง ขณะที่ยังคงไว้ซึ่งความกะทัดรัดและน้ำหนักที่เบา ความสามารถในการใช้พื้นที่นี้ทำให้ Leica สามารถขยายมุมมองของภาพ เพิ่มความกว้างให้รูรับแสง และเพิ่มประสิทธิภาพให้เลนส์ จึงมีความคุ้มค่าที่จะผลิตเลนส์มุมกว้างพร้อมคุณสมบัติที่ลงตัวของเครื่องมือถ่ายภาพอย่างแท้จริง นอกจากนี้การเพิ่มพื้นที่ว่างภายในตัวเลนส์ เทคโนโลยีมิเรอร์เลสช่วยให้ Leica สามารถผลิตเลนส์ 12 มม. F1.4 ที่ได้มาตรฐานที่เข้มงวดในด้านประสิทธิภาพทั่วทั้งภาพตามแบบของเรา และเมื่อเทียบกับรุ่นที่คล้ายกันซึ่งผลิตโดยผู้ผลิตกล้องแบบฟูลเฟรมรายอื่นๆ เลนส์รุ่นนี้ให้ประสิทธิภาพที่เหนือกว่าด้วยขนาดเล็กกว่าและน้ำหนักเบากว่า อันที่จริง เลนส์ Leica Super-wide สำหรับ Micro Four Thirds มีขนาดเพียงครึ่งหนึ่งของเลนส์ฟูลเฟรม 12 มม. เท่านั้น
2. เป้าหมายในการพัฒนา
1. ผู้ใช้กลุ่มเป้าหมาย
เมื่อทางยาวโฟกัสของเลนส์มุมกว้างนั้นลดลง มุมรับภาพจะเพิ่มขึ้นและทำให้มุมมองผ่านช่องมองภาพแตกต่างจากการมองด้วยตาเปล่าอย่างมาก นี่เป็นการเปิดมิติใหม่ให้ความคิดสร้างสรรค์ เลนส์มุมกว้างช่วยให้ถ่ายทอดภาพในรูปแบบใหม่ๆ และช่วยให้ช่างภาพเก็บภาพอันน่าจดจำ พร้อมเพลิดเพลินไปกับการถ่ายภาพจากมุมที่แปลกใหม่ เลนส์ 12 มม. F1.4 นี้ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อดึงดูดช่างภาพที่ใช้เลนส์ 25 มม. F1.4 หรือเลนส์ 12-35 มม. F2.8 อยู่แล้ว เช่นเดียวกับผู้ที่ต้องการเปิดโลกทัศน์ใหม่ๆ และถ่ายภาพหลากหลายรูปแบบ
15 วินาที, F5.0, ISO 200
2. ตัวแบบทั่วไปในการถ่ายภาพ
ผสานเลนส์ Super-wide 24 มม. (เทียบเท่า) เข้ากับระยะชัดลึกของ F1.4 แน่นอนว่า ทางยาวโฟกัส 12 มม. เป็นมุมกว้าง ที่จริงแล้ว นี่เป็นเลนส์เริ่มต้นสำหรับการถ่ายภาพมุมกว้างพิเศษ ด้วยมุมรับภาพที่จับพื้นที่ได้มากกว่าเลนส์มุมกว้าง Micro Four Thirds มาตรฐาน 25 มม. ถึงสี่เท่า ระยะกว้างของเลนส์ 12 มม. จึงมักใช้สำหรับถ่าย ทิวทัศน์ ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว และภาพสถาปัตยกรรม เช่น อาคารสูง หรือวัดวาอารามและโบสถ์ ช่างภาพใช้ประโยชน์จากความบิดเบือนที่เกิดจากเลนส์ 24 มม.* เพื่อสร้างสรรค์ภาพที่โดดเด่นจากมุมกล้องที่น่าสนใจมานานแล้ว เนื่องจากเลนส์ Leica รุ่นนี้มีความสว่างและให้คุณภาพยอดเยี่ยมแม้เปิดรูรับแสงอย่างเต็มที่ที่ F1.4 คุณจึงสามารถจัดวางตัวแบบในที่ที่มีแสงมืดสลัว แม้ไม่เหลือพื้นที่ว่างให้ถอยหลัง รูรับแสงที่กว้างยังช่วยในการเน้นภาพโดยถ่ายใกล้กับตัวแบบหลักและใช้โฟกัสแบบ Selective เพื่อเบลอพื้นหลัง เลนส์ 12 มม. F1.4 รุ่นนี้มอบภาพถ่ายที่ทั้งสวยงามสมจริงและมีลักษณะเฉพาะตัวสำหรับตัวแบบทุกประเภท
* เทียบเท่าระบบกล้อง 35 มม.
1/2500 วินาที, F4.0, ISO 200
15 วินาที, F1.4 ISO 1250
© Bence Máté
4. เป้าหมายด้านสเปค
เลนส์ไพรม์รูรับแสงกว้างที่มีความสามารถยอดเยี่ยมและประสิทธิภาพอันเหนือชั้น
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีการนำทางยาวโฟกัส 24 มม.* ไปใช้ในเลนส์ซูมมุมกว้างและเลนส์ซูมมาตรฐานหลายรุ่นสำหรับกล้องแบบฟูบเฟรม เนื่องจากเลนส์ 24 มม.* มีความสามารถหลากหลายและใช้งานสะดวก จึงกลายเป็นเลนส์ที่ผู้ใช้จำนวนมากเลือกใช้ เลนส์ 12 มม. F1.4 นี้มีมุมมองภาพกว้าง 84 องศาเช่นเดียวกัน และดึงดูดช่างภาพที่ชื่นชอบการสร้างสรรค์ภาพที่ถ่ายทอดความรู้สึกด้วยองค์ประกอบภาพที่โดดเด่น ซึ่งเป็นผลจากการบิดเบือนของภาพที่ได้ รูรับแสงกว้าง F1.4 รวมทั้งคุณภาพการแสดงสีและคุณภาพภาพที่ยอดเยี่ยมยังช่วยให้มีตัวเลือกในการสร้างสรรค์ภาพเพิ่มมากขึ้น วัสดุภายนอกที่มีคุณภาพสูงตามแบบฉบับของ Leica และให้ความรู้สึกระดับพรีเมียมที่ปรากฏชัดในการควบคุมโฟกัสและการปรับรูรับแสงที่ง่าย นุ่มนวล น่าพึงพอใจ ด้วย Leica Summilux 12 มม. F1.4
* เทียบเท่าระบบกล้อง 35 มม.
เทคโนโลยีเพื่อให้ได้มาซึ่งประสิทธิภาพของภาพตามเป้าหมาย
พลังในการถ่ายภาพที่เลนส์มุมกว้างอื่นๆไม่มี: ความคมชัดแบบขอบชนขอบที่ช่วยในการจับภาพฉากยามค่ำคืนและเหมาะกับการถ่ายภาพดวงดาว
ยิ่งทางยาวโฟกัสของเลนส์สั้นลง มุมมองภาพยิ่งเพิ่มขึ้น ด้วยมุมมองภาพที่กว้าง การใช้รูรับแสงกว้างจะทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนที่ไม่น่าดูและลดทอนคุณภาพของภาพเนื่องจากแสงเข้ามาใกล้กับขอบบนสุดของเลนส์ ยิ่ง F สต็อปต่ำลง ยิ่งยากขึ้น จึงต้องใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างเลนส์มุมกว้างที่มีความสว่าง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
เลนส์ 12 มม. F1.4 นี้ใช้ชิ้นเลนส์ 15 ชิ้นใน 12 กลุ่มในระบบออพติกส์โฟกัสด้านหลังภายในที่มีทางยาวคงที่ พร้อมด้วยความคมชัดแบบมุมชนมุมและการแสดงผลที่ยอดเยี่ยม เพื่อแสดงให้เห็นถึงคุณภาพของภาพถ่ายชั้นยอดที่ผู้ใช้ Leica ต้องการ ระบบ
ออพติกส์ในเลนส์มุมกว้างที่สว่างนี้ ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้แน่ใจว่าเมื่อรูรับแสง F1.4 เปิดเต็มที่เพื่อรับแสงเข้ามา แสงนี้จะได้รับการควบคุมถึงขอบของภาพที่ได้ ซึ่งทำได้โดยใช้ชิ้นเลนส์แบบ Negative-Meniscus ที่ทรงพลังใกล้กับด้านหน้าขององค์ประกอบเลนส์ ในระบบออพติคอลใหม่ของเลนส์ 12 มม. F1.4 นั้น เลนส์ชิ้นที่สองจะจัดการแสง ซึ่งช่วยหลีกเลี่ยงปัญหาภาพบวม รวมถึงความคลาดเคลื่อนและภาวะภาพเบี้ยวที่เกิดขึ้นเมื่อใช้เลนส์แบบ Negative ที่ด้านหน้า การวางตำแหน่งเลนส์ Positive ด้านหน้าของเลนส์แบบ Negative-Meniscus ช่วยป้องกันการเกิดทั้งความบิดเบือนและความคลาดเคลื่อนที่ไม่พึงประสงค์ นอกจากนี้ ยังเพิ่มความมั่นใจในคุณภาพของภาพ ด้วยการใช้เลนส์แก้ความคลาดทรงกลมที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางขนาดใหญ่ พร้อมกับกระจก Extra-Low Dispersion ปกติและชิ้นเลนส์กระจก Ultra-Extra-Low Dispersion สองชิ้น ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยควบคุมความแบนระนาบของภาพ ความคลาดเคลื่อนของระนาบภาพ ความคลาดเคลื่อนของสี และความคลาดเคลื่อนสีที่ขอบภาพ เทคโนโลยีนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่าผู้ใช้จะได้รับความละเอียดและประสิทธิภาพในการถ่ายภาพที่ยอดเยี่ยม รวมถึงการจับภาพจุดกำเนิดแสงในเวลากลางคืนและในสถานการณ์อื่นๆ ที่เลนส์มุมกว้างมักทำได้ไม่ดี