
การร่วมมือกันระหว่าง Leica Camera AG และ LEICA DG Lenses
Panasonic เริ่มต้นความร่วมมือกับ Leica Camera AG ในปี 2544 ในขณะที่บริษัทเข้าสู่ตลาดกล้องดิจิตอล ต่อมาในปี 2557 ทั้งสองบริษัทได้ตกลงร่วมกันขยายขอบเขตและยกระดับความร่วมมือทางเทคนิค นับแต่นั้นมา Panasonic ได้นำเสนอกล้องดิจิตอลคุณภาพสูงที่มีประสิทธิภาพ พร้อมเลนส์ที่ผสานเทคโนโลยีออพติคอลอันมีชื่อเสียงของ Leica ซึ่งเกิดจากประสบการณ์ที่สั่งสมมากกว่า 100 ปี กับเทคโนโลยีดิจิตอลล้ำสมัยของ Panasonic เช่น การประมวลผลภาพเข้าด้วยกัน
เลนส์ในตระกูล LEICA DG Series ของ Panasonic มีความหลากหลายของความยาวโฟกัส ตั้งแต่เลนส์มุมกว้างพิเศษ 8 มม. ไปจนถึงเลนส์ซุปเปอร์เทเลโฟโต้ 400 มม. (เทียบเท่ากับระบบกล้อง 35 มม.: 16-400 มม.) โดย Panasonic ได้นำเสนอเลนส์ทั้งหมด 11 รุ่น ได้แก่ เลนส์โฟกัสเดี่ยว 6 ตัว และเลนส์ซูม 5 ตัว ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2562 การผลิตเลนส์ทั้งหมดนี้ได้รับการควบคุมคุณภาพอย่างเคร่งครัด ด้วยอุปกรณ์การวัดและระบบการประกันคุณภาพที่ได้รับการรับรองจาก Leica Camera AG ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบออพติคัลไปจนถึงกระบวนการผลิต.
ประสิทธิภาพด้านออพติคอลของเลนส์ LEICA DG
ปัจจัยพื้นฐานสามประการที่สำคัญในมาตรฐานคุณภาพของ Leica ได้แก่ ประการแรก การแก้ไขความบิดเบือน ซึ่งรวมถึงการบิดเบือนทรงกลมอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ภาพที่ได้มีคุณภาพสูง ประการที่สอง คือการรักษาความละเอียดของภาพให้สูง พร้อมทั้งคมชัดและมีความเปรียบต่างที่ดี โดยไม่มีปัญหาสีจางในบริเวณมุมภาพ ประการที่สาม คือ การแก้ไขแสง Ghosts และแสงแฟร์ โดยการทำให้แสงที่ตกกระทบบนพื้นผิวที่ไม่เรียบเกิดขึ้นและจบลงภายในชั้นเคลือบผิว ส่งผลให้แสง Ghosts และแสงแฟร์ จากแสงที่มาจากด้านหลังหรือแสงที่เข้ามาในแนวเฉียงลดน้อยลง Panasonic ได้พัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อจัดการกับปัจจัยทั้งสามนี้อย่างมีประสิทธิภาพ.
นอกจากนี้ยังมีการใช้เทคโนโลยีอุปกรณ์ปรับแนวแกนเลนส์ เพื่อจัดตำแหน่งชิ้นเลนส์ทั้งหมดอย่างแม่นยำ และมีการควบคุมความเบี่ยงเบนในการผลิตอย่างเข้มงวด เพื่อให้ได้เลนส์ที่มีคุณภาพสูง.
1. ความบิดเบือนต่ำ
ความคลาดเพี้ยน (Distortion aberration) คือการบิดเบือนของภาพที่เกิดขึ้นบริเวณขอบเลนส์ ซึ่งความบิดเบือนที่ขอบจะเกี่ยวข้องกับความโค้งออก ส่วนที่บริเวณกลางภาพจะเกี่ยวข้องกับความบิดเบือนแบบเว้าเข้า เลนส์ LEICA DG ได้รับการตรวจสอบตามมาตรฐานที่มีความเข้มงวดสูง และมีอัตราการเกิดความผิดเพี้ยนต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

2. ความละเอียดสูงบริเวณขอบ
สำหรับเลนส์ทั่วไป ความละเอียดของภาพจะค่อยๆ ลดลงจากจุดกึ่งกลางภาพไปยังส่วนขอบ ค่า MTF คือตัวบ่งชี้ความละเอียดและดัชนีชี้วัดประสิทธิภาพของเลนส์ ผู้ใช้จะเห็นความเปรียบต่างและประสิทธิภาพการแสดงผลของเลนส์ได้ตั้งแต่กึ่งกลางภาพไปจนถึงมุมภาพ มาตรฐานด้านคุณภาพของ Leica กำหนดให้ภาพที่ได้ต้องมีความละเอียดสูงทั่วทั้งเฟรม แต่เลนส์ LEICA DG สามารถผ่านมาตรฐานได้โดยใช้องค์ประกอบของชิ้นเลนส์

3. การลดจุดแสงและเส้นแสง
Leica ได้ทำการศึกษาวิจัยอย่างยาวนานจนสามารถพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีการเคลือบผิวแบบหลายชั้นที่ใช้กับเลนส์ LEICA โดยสามารถกำหนดอัตราการสะท้อนของแสงได้อย่างแม่นยำ การเคลือบผิวนี้ช่วยลดอัตราการสะท้อนของแสงที่เข้ามาในแนวเฉียง และการเคลือบหลายชั้นจะเคลือบอย่างทั่วถึงแม้ในบริเวณที่เป็นส่วนต่อเชื่อมของเลนส์ การเคลือบผิวระดับนาโนช่วยให้เลนส์สามารถกันแสงสะท้อนได้ในระดับสูงสุดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งช่วยลดปัญหาจุดแสงและนอยส์ที่ทำให้คุณภาพของภาพลดลง พร้อมทั้งทำให้ภาพมีความละเอียดและคมชัดยิ่งขึ้น
