FSV EX ME2 Series 2 ทิศทาง
ประสิทธิภาพการประหยัดพลังงานอันเหนือชั้นและการทำงานอันทรงพลัง

ข้อมูลเฉพาะทางเทคนิค
• ระบบที่หลากหลายตั้งแต่ 8HP ถึง 80HP(ใช้ร่วมกับ ME2 Series เพื่อประหยัดพื้นที่)
• ระบบที่หลากหลายตั้งแต่ 8HP ถึง 64HP(ใช้ร่วมกับ ME2 Series เพื่อการทำงานประสิทธิภาพสูง)
• EER ระดับดีเยี่ยมที่ 5.3 (สำหรับรุ่น 8HP)
• สามารถทำความเย็นได้แม้อุณหภูมิภายนอกสูงถึง 52˚C (DB)
• ความยาวท่อสูงสุดยาว (สูงสุด 1,000 ม.)
• เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายในอาคารได้สูงสุด 64 เครื่อง
เอกสาร
คุณลักษณะ
ประสิทธิภาพการประหยัดพลังงานอันเหนือชั้น
FSV-EX นับเป็นความก้าวหน้าอันยิ่งใหญ่ในด้านประสิทธิภาพของระบบ VRF ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนจากค่า EER อันน่าทึ่ง ยิ่งไปกว่านั้น ค่า EER ที่สูงเช่นนี้ยังเกิดขึ้นได้แม้ในขณะทำงานโดยใช้ประสิทธิภาพบางส่วน นี่แสดงให้เห็นว่า FSV-EX สามารถให้ประสิทธิภาพการประหยัดพลังงานที่เหนือชั้น

ประหยัดพลังงานได้อย่างยอดเยี่ยม
ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานให้ดีขึ้นด้วยการใช้สารทำความเย็น R410A ประสิทธิภาพสูง, คอมเพรสเซอร์ DC อินเวอร์เตอร์รุ่นใหม่ และตัวแลกเปลี่ยนความร้อนดีไซน์ใหม่


1. คอสเพรสเซอร์อินเวอร์เตอร์ความจุสูงหลายเครื่อง (มากกว่า 14HP)
คอมเพรสเซอร์อินเวอร์เตอร์สองเครื่องที่ถูกควบคุมอย่างอิสระมีประสิทธิภาพการทำงานสูง ส่วนประกอบที่ได้รับการออกแบบใหม่ในตัวเครื่องให้สมรรถนะที่ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาวะการทำความเย็นที่กำหนดและประสิทธิภาพด้าน EER
2. พื้นที่ผิวของตัวแลกเปลี่ยนความร้อนที่เพิ่มขนาดขึ้นเป็นสามเท่า*
ตัวแลกเปลี่ยนความร้อนรุ่นใหม่มีโครงสร้างของพื้นที่ผิวเพิ่มขึ้นเป็นสามเท่า เมื่อเทียบกับโครงสร้างที่แบ่งพื้นผิวออกเป็นสองส่วนในปัจจุบัน อุปกรณ์รุ่นใหม่นี้ไม่มีการแบ่งแยกพื้นที่และพื้นที่สำหรับแลกเปลี่ยนความร้อนมีขนาดใหญ่ขึ้น นอกจากนี้ รูปแบบการวางท่อประสิทธิภาพสูงยังช่วยเพิ่มความสามารถในการแลกเปลี่ยนความร้อนขึ้น 5%
* สำหรับรุ่น 8 และ 10HP ดีไซน์ของตัวแลกเปลี่ยนความร้อนจะเป็นแบบ 2 แถว

ระบบควบคุมอุณหภูมิในการระเหยแบบปรับได้เพื่อการประหยัดพลังงานและปรับอากาศให้เย็นสบาย
นับตั้งแต่ปี 2006 ระบบ VRF ของ Panasonic ทั้งหมดก็ได้รวมเอาเทคโนโลยี VET แบบพิเศษเข้ามา พร้อมกับระบบควบคุมอุณหภูมิของสารทำความเย็นแบบปรับได้เป็นมาตรฐาน
ระบบ ‘Smart logic’ ของเราจะตรวจสอบอุณหภูมิทุกๆ 30 วินาที
และปรับอุณหภูมิของสารทำความเย็นโดยอัตโนมัติตามความต้องการจริงและสภาพภายนอกอาคาร

1) ตอบสนองต่ออุณหภูมิห้องและตั้งอุณหภูมิทุกๆ 30 วินาที
2) กำหนดอุณหภูมิของสารทำความเย็นในระบบและควบคุมความเร็วของคอมเพรสเซอร์
3) คำนวณอุณหภูมิของสารทำความเย็นภายในอาคารและควบคุมกระแสลมโดยอัตโนมัติตามความแตกต่างระหว่างอุณหภูมิที่ตั้งไว้กับอุณหภูมิภายในอาคารจริง
* เมื่อความเร็วพัดลมอยู่ที่อัตโนมัติ
ความเย็นสบายในแต่ละห้องพร้อมการประหยัดพลังงานของระบบโดยรวม
1) ระบบควบคุมภายนอกอาคาร
ข้อมูลอุณหภูมิในการระเหยที่จำเป็นสำหรับชุดอุปกรณ์ภายในอาคารทุกเครื่องในระบบจะถูกรวมเข้าด้วยกันเพื่อการควบคุมอุณหภูมิของสารทำความเย็นให้เหมาะสม
2) ระบบควบคุมภายในอาคาร
ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิของการดูด ปริมาณของสารทำความเย็นในระบบหมุนเวียนที่จำเป็นสำหรับการทำความเย็นจะถูกควบคุมโดยวาล์วลดความดันของชุดอุปกรณ์ภายในอาคารแต่ละเครื่อง

บริเวณที่มีการทำความเย็นต่ำ: ประหยัดพลังงาน

1) อุณหภูมิในการระเหยของสารทำความเย็น : สูง
2) ปริมาณของสารทำความเย็นในระบบหมุนเวียน น้อย
3) อุณหภูมิในการระบายของชุดอุปกรณ์ภายในอาคาร : สูง
4) กระแสลมของชุดอุปกรณ์ภายในอาคาร : ต่ำ
บริเวณที่มีการทำความเย็นสูง : ทำความเย็นสบาย

1) อุณหภูมิในการระเหยของสารทำความเย็น : ต่ำ
2) ปริมาณของสารทำความเย็นในระบบหมุนเวียน มาก
3) อุณหภูมิในการระบายของชุดอุปกรณ์ภายในอาคาร : ต่ำ
4) กระแสลมของชุดอุปกรณ์ภายในอาคาร : ทรงพลัง
การผสานรวมเทคโนโลยี VET และคอมเพรสเซอร์อินเวอร์เตอร์เพื่อการประหยัดพลังงานและความเย็นสบาย

1) สภาพแวดล้อมทั่วไป
A) ระบบทำความเย็นแบบดั้งเดิม
อุณหภูมิในห้องขนาดใหญ่เปลี่ยนไปและใช้พลังงานสูงเนื่องด้วยการสูญเสียจากการเริ่ม/หยุด
B) ระบบควบคุมสารทำความเย็นแบบประหยัดพลังงานอัตโนมัติ
การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิในห้องต่ำ ซึ่งช่วยลดการใช้พลังงาน

2) สภาพแวดล้อมที่มีการทำความเย็นหนัก
C) หากยังไม่ถึงอุณหภูมิที่ตั้งไว้หลังผ่านการใช้งาน 25 นาทีในสภาพแวดล้อมแบบพิเศษที่ต้องทำงานหนักเพื่อทำความเย็น เช่น พื้นที่ที่มีอากาศภายนอกเข้ามา ระบบจะยกเลิกการใช้งานที่เน้นการประหยัดพลังงานชั่วคราวและสลับเป็นการใช้งานที่เน้นการปรับอากาศเพื่อสร้างความเย็นสบายเป็นหลัก
D) ย้อนกลับเป็นการใช้งานแบบประหยัดพลังงานหลังจากที่ถึงอุณหภูมิที่ตั้งไว้
E) หากยังมีการใช้งานแบบประหยัดพลังงานต่อไป อุปกรณ์จะใช้เวลาสักพักในการปรับให้ได้อุณหภูมิเป้าหมาย
ระบบการจัดการน้ำมันอัจฉริยะ 3 ขั้นตอน
ในระบบ VRF ที่จำเป็นต้องควบคุมท่อยาวและอุปกรณ์ภายในอาคารจำนวนมากพร้อมกัน หัวใจสำคัญของการรักษาความเสถียรของระบบคือการทำให้แน่ใจว่ามีปริมาณน้ำมันที่เหมาะสมในคอมเพรสเซอร์ เพื่อหลีกเลี่ยงการขาดน้ำมันในคอมเพรสเซอร์ จึงมักเกิดการบังคับให้เครื่องทำงานในระดับสูงสุดเป็นช่วงสม่ำเสมอเพื่อสูบน้ำมันจากชุดอุปกรณ์ภายในอาคาร วิธีการนี้ ซึ่งมักใช้กันในระบบ VRF มาตรฐาน ทำให้ระบบเกิดความร้อนหรือเย็นที่มากเกินไป จึงเป็นการสูญเสียพลังงาน ใน ระบบ VRF ของ Panasonic เซ็นเซอร์สำหรับตรวจจับระดับน้ำมันจะถูกติดตั้งไว้ในคอมเพรสเซอร์แต่ละตัว ในการติดตั้งที่มีอุปกรณ์ภายในอาคารหลายเครื่อง การขาดน้ำมันในคอมเพรสเซอร์หนึ่งเครื่องจะสามารถชดเชยได้โดยการสูบน้ำมันจากคอมเพรสเซอร์อีกเครื่องหนึ่งในชุดเดียวกัน จากคอมเพรสเซอร์ของอุปกรณ์ภายนอกอาคารที่อยู่ติดกัน หรือจากอุปกรณ์ภายในอาคารที่เชื่อมต่อกัน ระบบ VRF ของ Panasonic มอบสภาพแวดล้อมที่สะดวกสบายให้แก่ผู้ใช้พร้อมทั้งประหยัดพลังงานในขณะเดียวกัน

ระบบ Panasonic จัดการการสูบน้ำมันได้อย่างมีประสิทธิภาพใน 3 ขั้นตอน
ลดความถี่ของการบังคับสูบน้ำมันพร้อมทั้งลดต้นทุนด้านพลังงานและให้ความสะดวกสบายในระดับเดิม

คอมเพรสเซอร์ Panasonic มีเซ็นเซอร์ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบระดับน้ำมันได้อย่างแม่นยำตลอดเวลา หากระดับน้ำมันลดลง จะมีการถ่ายน้ำมันจากคอมเพรสเซอร์เครื่องอื่นในอุปกรณ์ภายนอกอาคารชุดเดียวกัน

หากระดับน้ำมันของคอมเพรสเซอร์ทุกเครื่องภายในชุดอุปกรณ์ภายนอกอาคารลดลง น้ำมันจะถูกสูบมาจากชุดอุปกรณ์ภายนอกอาคารที่อยู่ติดกัน

การบังคับสูบน้ำมันจะเกิดขึ้นเมื่อระดับน้ำมันไม่เพียงพอแม้จะดำเนินการตามขั้นตอนดังกล่าวแล้วเท่านั้น แนวคิดในการออกแบบของระบบ Panasonic นั้นแตกต่างจากระบบน้ำมันแบบดั้งเดิมอย่างสิ้นเชิง
คุณสมบัติของดีไซน์การสูบน้ำมัน 3 ขั้นตอน

1. ติดตั้งเซ็นเซอร์น้ำมันในคอมเพรสเซอร์แต่ละเครื่อง
เซ็นเซอร์น้ำมันที่ติดตั้งในคอมเพรสเซอร์ Panasonic แต่ละเครื่องจะตรวจสอบระดับน้ำมันอย่างแม่นยำ จึงเป็นการขจัดการสูบน้ำมันโดยไม่จำเป็น
2. อุปกรณ์แยกน้ำมันสมรรถนะสูง
ด้วยการวางท่อแยกจากกันที่ยาวขึ้น ประสิทธิภาพในการสูบน้ำมันจึงสูงถึง 90% และช่วยลดปริมาณน้ำมันที่ถูกปล่อยออกมาจากคอมเพรสเซอร์
A: ระดับน้ำมันต่ำสุด (พื้นผิวของกระบอกหมุน)
B : ในระบบ VRF ของ Panasonic เซ็นเซอร์สำหรับตรวจจับระดับน้ำมันจะถูกติดตั้งไว้ในคอมเพรสเซอร์แต่ละตัว
ออกแบบใหม่เพื่อการปล่อยลมที่นุ่มนวลและดียิ่งขึ้น
1. ปากแตรปล่อยลมรูปทรงโค้งที่ได้รับการออกแบบใหม่เพื่อการไหลเวียนของอากาศที่ดียิ่งขึ้น
รูปทรงโค้งแบบใหม่ที่มีทั้งส่วนบนและส่วนล่างทำให้กระแสลมดูดออกมีความนุ่มนวล ซึ่งให้ปริมาตรอากาศที่มากขึ้นในระดับเสียงเท่าเดิม และใช้กระแสไฟน้อยกว่าในปริมาตรอากาศเท่าเดิม
2. พื้นที่ปล่อยลมใหญ่ขึ้นพร้อมแผงด้านบนผิวเรียบแบบใหม่
เพื่อลดแรงต้านอากาศจึงใช้ตะแกรงพัดลมดีไซน์เรียบขนาดใหญ่รุ่นใหม่ที่มีแผงเรียบด้านบนแทนที่จะใช้พัดลมทรงท่อ ดีไซน์นี้ช่วยปรับปรุงแรงต้านอากาศให้ดียิ่งขึ้น และมีส่วนช่วยให้รูปลักษณ์สวยงามขึ้นด้วย

พัดลมที่ได้รับการออกแบบใหม่

กระแสลมในระดับที่เหมาะสม
พัดลมและปากแตรที่ได้รับการออกแบบใหม่ช่วยลดแรงกดบนพัดลมโดยการกระจายอากาศออกไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้น แรงต้านอากาศที่น้อยกว่าจึงทำให้ใช้พลังงานน้อยกว่า

การลดเสียงรบกวน
สามารถลดความปั่นป่วนของอากาศ (สีน้ำเงิน) ลงได้ เสียงรบกวนอันไม่พึงประสงค์จึงลดน้อยลง แม้จะมีการใช้พัดลมความเร็วสูง ระดับเสียงรบกวนก็ยังคงต่ำมาก
ช่วงการทำงานเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 52°C
FSV-EX สามารถทำความเย็นได้แม้ในขณะที่อุณหภูมิภายนอก ถึงจุดสูงสุดที่ราว 52°C ยิ่งไปกว่านั้น ยังสามารถทำงานได้ด้วยประสิทธิภาพ 100% แม้อุณหภูมิภายนอกจะสูงถึง 43°C ความสามารถในการทำงานอันทรงประสิทธิภาพนี้ช่วยให้ทำงานได้อย่างน่าเชื่อถือแม้อยู่ภายใต้สภาวะที่มีอุณหภูมิสูงมาก

ช่วงการทำงานเพิ่มขึ้น
สามารถทำความเย็นได้แม้อุณภูมิภายนอกต่ำถึง -10°C DB หรือสูงถึง 52°C DB และสามารถทำความร้อนได้แม้อุณหภูมิภายนอกต่ำถึง -25°C WB สามารถตั้งอุณหภูมิของรีโมตคอนโทรลได้ตั้งแต่ 18°C จนถึงสูงสุด 30°C (ทำความเย็น) และ 16°C ถึงสูงสุด 30°C (ทำความร้อน)*
* ขึ้นอยู่กับประเภทของรีโมตคอนโทรล

ยืดอายุให้คอมเพรสเซอร์ด้วยเวลาการทำงานที่เท่ากัน
เวลาการใช้งานทั้งหมดของคอมเพรสเซอร์จะถูกตรวจสอบโดยไมโครคอมพิวเตอร์ในตัวเครื่อง ซึ่งมีหน้าที่ดูแลให้เวลาการทำงานของคอมเพรสเซอร์ทั้งหมดภายในวงจรสารทำความเย็นเดียวกันมีความสมดุล
คอมเพรสเซอร์ที่มีประวัติแสดงเวลาการทำงานน้อยกว่าจะถูกเลือกก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าอุปกรณ์ทุกชุดมีความเสื่อมสภาพตามการใช้งานที่เท่ากันและเป็นการยืดอายุการทำงานให้ระบบ
* ขึ้นอยู่กับเวลาการทำงานสะสมของคอมเพรสเซอร์แต่ละเครื่อง
* ลำดับของคอมเพรสเซอร์สามารถเปลี่ยนแปลงได้
(เช่น) กรณีที่ 1: AgCgBgD, กรณีที่ 2: CgAgDgB, กรณีที่ 3: AgCgDgB, กรณีที่ 4: CgAgBgD

การทำงานสำรองอัตโนมัติ
การทำงานสำรองอัตโนมัติจะทำงานในกรณีที่คอมเพรสเซอร์ล้มเหลวหรืออุปกรณ์ภายนอกอาคารทำงานผิดปกติ
แม้อุปกรณ์ภายนอกอาคารทั้งชุดจะล้มเหลว อุปกรณ์ภายนอกอาคารอีกชุดจะยังคงทำงานอยู่ และแม้คอมเพรสเซอร์ในระบบหนึ่งจะล้มเหลว คอมเพรสเซอร์เครื่องอื่นจะทำงานต่อไป
ยกเว้นการติดตั้ง 8, 10 และ 12 HP แบบชุดเดียว
*การทำงานสำรองช่วยให้การทำความเย็นหรือความร้อนดำเนินต่อไปได้ระหว่างรอการซ่อมแซม ผู้ใช้ควรติดต่อศูนย์บริการที่ได้รับอนุญาตทันทีที่มีความผิดปกติเกิดขึ้น

ตอบสนองความต้องการใช้งานได้อย่างยืดหยุ่นด้วยเทอร์มินัลบล็อกเสริม (CZ-CAPDC2)
เนื่องจากมีเทคโนโลยีควบคุมอินเวอร์เตอร์ ระบบ Mini FSV ของ Panasonic ทั้งหมดจึงมีระบบจัดการการตอบสนองต่อความต้องการ (DRM) ที่พร้อมใช้งาน สามารถตั้งการควบคุม การใช้พลังงานในช่วงเวลาที่มีการใช้งานสูงสุดได้ 3 ระดับ เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด จึงช่วยลดการใช้พลังงานในแต่ละปีได้โดยสูญเสียความสะดวกสบายน้อยที่สุด
*ชิ้นส่วนเทอร์มินัลบล็อกมีจำหน่ายแยกต่างหาก โปรดติดต่อตัวแทนจำหน่ายของคุณ

สามารถตั้งค่าได้ตั้งแต่ 0% หรือภายในช่วงตั้งแต่ 40 ถึง 100% (โดยปรับทีละ 5%) ขณะขนส่ง การตั้งค่าจะตั้งไว้ 3 ระดับที่ 0%, 70% และ 100%
* ในรีโมตคอนโทรลคุณสมบัติสูง จะมีการตั้งค่าตัวตั้งเวลาสำหรับความต้องการใช้งาน

ชุดอุปกรณ์ภายนอกอาคารที่มีความทนทานสูง
มีคุณสมบัติป้องกันการกัดกร่อนเพื่อความทนทานในระดับสูงต่อสนิมและอากาศที่มีเกลือเจือปน เพื่อประสิทธิภาพการใช้งานอันยืนยาว
หมายเหตุ: การเลือกใช้อุปกรณ์รุ่นนี้ไม่สามารถกำจัดความเป็นไปได้ในการเกิดสนิมได้อย่างสมบูรณ์ หากต้องการทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการติดตั้งและดูแลรักษาอุปกรณ์ โปรดขอคำปรึกษาจากตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาต

สามารถเชื่อมต่อชุดอุปกรณ์ภายในอาคารได้เป็นจำนวนมาก
สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ภายในอาคารได้สูงสุด 64 เครื่องในระบบเดียวเพื่อความยืดหยุ่นในการออกแบบสูงสุด
*จำนวนอุปกรณ์ภายในอาคารสูงสุดขึ้นอยู่กับความจุของชุดอุปกรณ์ภายนอกอาคาร

ความยาวท่อเพิ่มขึ้นเพื่อความยืดหยุ่นในการออกแบบที่มากยิ่งขึ้น
ปรับเปลี่ยนได้ตามประเภทและขนาดของอาคาร
ความยาวท่อจริง: 200 ม.
ความยาวท่อสูงสุด : 1,000 ม.
*อาจใช้ความแตกต่างของระดับความสูงได้สูงสุด 90 ม. ตามเงื่อนไขบางอย่าง ในกรณีที่ชุดอุปกรณ์ภายนอกอาคารอยู่สูงกว่าชุดอุปกรณ์ภายในอาคาร โปรดขอคำปรึกษาจากวิศวกรฝ่ายขายของ Panasonic เกี่ยวกับเงื่อนไขบางอย่างในกรณีที่จำเป็นต้องใช้ระดับความสูงของท่อเกิน 50 ม.
*1: 40 ม. หากอุปกรณ์ภายนอกอาคารอยู่ต่ำกว่าอุปกรณ์ภายในอาคาร

ท่อที่ยาวที่สุดและสั้นที่สุดจากแขนงแรกมีความยาวต่างกันได้สูงสุด 50 ม.
แผนผังท่อที่ยืดหยุ่นทำให้ง่ายต่อการออกแบบระบบสำหรับสถานที่ต่างๆ เช่น สถานีรถไฟ สนามบิน โรงเรียน และโรงพยาบาล
• สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้สูงสุด 64 เครื่องกับหนึ่งระบบ
• ความยาวท่อสูงสุดและต่ำสุดถัดจากแขนงแรกสามารถแตกต่างกันได้สูงสุด 50 ม.
• ท่อขนาดใหญ่มีความยาวได้สูงสุด 200 ม.

อัตราความจุของชุดอุปกรณ์ภายในและนอกอาคารที่สามารถเชื่อมต่อได้สูงสุด 130% *
ระบบ FSV มีความจุในการเชื่อมต่ออุปกรณ์ภายในอาคารสูงสุด 130 %* ของระยะการเชื่อมต่อชุดอุปกรณ์ ขึ้นอยู่กับรุ่นของอุปกรณ์ภายนอกและในอาคารที่เลือก ดังนั้น เพื่อให้การลงทุนมีความคุ้มค่า ระบบ FSV จึงมอบโซลูชันการปรับอากาศที่เหมาะสำหรับสถานที่ที่ไม่จำเป็นต้องใช้การทำความเย็น/ทำความร้อนเต็มรูปแบบเสมอไป
* หากเป็นไปตามเงื่อนไขต่อไปนี้ ช่วงที่สามารถใช้งานได้จะสูงกว่า 130 % โดยไม่เกิน 200 %
1 ) จำนวนชุดอุปกรณ์ภายในอาคารที่สามารถเชื่อมต่อได้อยู่ภายในขีดจำกัด
2 ) ช่วงการทำงานต่ำสุดสำหรับอุณหภูมิภายนอกในการทำความร้อนถูกจำกัดไว้ที่ -10°CWB (มาตรฐาน -25°CWB)
3 ) การทำงานพร้อมกันถูกจำกัดไว้ที่น้อยกว่า 130 % ของชุดอุปกรณ์ภายในอาคารที่สามารถเชื่อมต่อได้
ระบบ / HP |
8 |
10 |
12 |
14 |
16 |
18 |
20 |
22 |
24 |
26 |
28 |
30 |
32 |
34 |
36 |
38 |
40 |
42 |
44 |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
MNcIU : 130% |
13 |
16 |
19 |
23 |
26 |
29 |
33 |
36 |
40 |
43 |
46 |
50 |
53 |
56 |
59 |
63 |
64 |
64 |
64 |
ระบบ / HP |
46 |
48 |
50 |
52 |
54 |
56 |
58 |
60 |
62 |
64 |
66 |
68 |
70 |
72 |
74 |
76 |
78 |
80 |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
MNcIU : 130% |
64 |
64 |
64 |
64 |
64 |
64 |
64 |
64 |
64 |
64 |
64 |
64 |
64 |
64 |
64 |
64 |
64 |
64 |
MNcIU : จำนวนชุดอุปกรณ์ภายในอาคารที่สามารถเชื่อมต่อได้สูงสุด (MNcIU)
หมายเหตุ: หากอุปกรณ์ภายในอาคารมากกว่า 100% ทำงานด้วยโหลดสูง อุปกรณ์อาจไม่สามารถทำงานได้ตามความจุที่กำหนด
หากต้องการทราบรายละเอียด โปรดขอคำปรึกษาจากตัวแทนจำหน่าย Panasonic ที่ได้รับอนุญาต
ดีไซน์กะทัดรัด
ME2 series ใหม่ลดพื้นที่ที่ต้องใช้ในการติดตั้งด้วยจำนวนสูงสุด 20 HP ในแชสซีเดียว
สามารถใส่ 8 - 10 HP ในลิฟต์ได้เพื่อการเคลื่อนย้ายที่ง่ายดายในสถานที่ติดตั้ง

ความดันสถิตภายนอกสูงบนคอนเดนเซอร์
ด้วยการออกแบบใหม่ของพัดลม ตะแกรงพัดลม มอเตอร์ และฝาครอบ อุปกรณ์รุ่นใหม่จึงสามารถติดตั้งในสถานที่ได้ตามความต้องการโดยมีความดันสถิตภายนอกที่ระดับ 80 Pa ท่อปล่อยลมช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการขาดการหมุนเวียนของอากาศ จึงสามารถติดตั้งชุดอุปกรณ์ภายในอาคารได้บนทุกชั้นของตัวอาคาร

การทำงานแบบมีเสียงรบกวนต่ำ
นวัตกรรมด้านเทคโนโลยีมากมาย รวมทั้งคอมเพรสเซอร์ที่ได้รับการปรับปรุงและปากแตรที่ได้รับการออกแบบใหม่รวมถึงพัดลมที่ใหญ่ขึ้นสามารถลดระดับเสียงภายนอกลงได้อย่างมาก ผลลัพธ์ที่ได้คือสภาพแวดล้อมในอาคารที่สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

ทำไมต้องใช้ Panasonic
พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบระบบอากาศของเรา